เมล็ดเจีย ประโยชน์ Cover

เมล็ดเจีย ประโยชน์ดี ๆ ของซูเปอร์ฟู๊ดสุดเฮลตี้ที่ใส่กล่องพกทานได้ทุกวัน

ในกลุ่มคนรักสุขภาพตั้งแต่ระดับชิล ๆ ไปจนถึงสายคลีนเต็มตัวคงไม่มีใครไม่รู้จักซูเปอร์ฟู้ดอย่างเมล็ดเจีย ประโยชน์ที่ได้จากเมล็ดเจียนั้น คนส่วนใหญ่อาจจะรู้แค่เพียงว่าสามารถเป็นตัวช่วยเรื่องการลดน้ำหนักได้เพราะทำให้อิ่มท้อง มีวิตามินและไฟเบอร์สูง แต่วันนี้พี่ล็อคจะมากล่าวถึงประโยชน์ของเมล็ดเจียแบบเจาะลึก และความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการรับประทานมากเกินไป จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

เมล็ดเจีย (Chia Seed) คืออะไร? เจาะลึกประโยชน์ของเมล็ดเจียและข้อควรระวังในการบริโภค

เมล็ดเจีย คือ พืชชนิดหนึ่งซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับกะเพราและแมงลักจึงไม่น่าแปลกใจที่เมล็ดเจียกับแมงลักนั้นจะมีหน้าตาคล้ายกัน แต่ถ้าคุณเลือกกินเมล็ดเจีย ประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับนั้นกลับมีมากกว่าการกินแมงลักอย่างเห็นได้ชัด เพราะเมล็ดเจียมีคุณสมบัติเป็นทั้ง Super Fruit และ Super Seed ในตัว อุดมไปด้วยสารอาหารทั้งไฟเบอร์ สารต้านอนุมูลอิสระ กรดไขมันชนิดดีทั้งโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในด้านสรรพคุณทางยามากมายอีกด้วย

  • ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด: ทั้งโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 เป็นไขมันดีที่จะช่วยไปปรับสมดุลไขมันในเลือดให้อยู่ในภาวะปกติ
  • ลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด: เมื่อระดับคอเรสเตอรอลในเลือดอยู่ในภาวะปกติก็จะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดลดลงตามไปด้วย
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานประเภท 2: อีกหนึ่งประโยชน์ของเมล็ดเจียก็คือช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล จึงทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานลดลงตาม
  • ช่วยให้ระบบเผาผลาญดี: เมล็ดเจียมีโปรตีน ไฟเบอร์และกรดไขมันดีอยู่สูง มีส่วนช่วยทำให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างเต็มที่
  • ช่วยให้แผลหายเร็ว ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อบริเวณแผล: เมื่อร่างกายได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3 เข้าไปแล้วจะถูกเปลี่ยนเป็น โพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin) ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ป้องกันการติดเชื้อบริเวณแผลได้
  • ช่วยชะลอวัย: ด้วยปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดเจียที่มีมากกว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ แถมยังอุดมไปด้วยวิตามินอีที่ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น คนที่รับประทานเมล็ดเจียเป็นประจำจึงดูอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ

*เมล็ดเจีย ประโยชน์เยอะก็จริงแต่ก็มีข้อควรระวัง ดังนี้

  • ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนหากรับประทานเมล็ดเจียเข้าไปอาจทำให้อาการแย่ลง เพราะไฟเบอร์ในเมล็ดเจียอาจไปกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารได้

  • ผู้ที่ต้องใช้ยาแอสไพรินหรือยาละลายลิ่มเลือดไม่ควรรับประทานเมล็ดเจีย เพราะอาจทำให้เกิดภาวะฮีโมฟิเลีย (Haemophiliacs) หรือภาวะเลือดแข็งตัวช้าจนทำให้เลือดไหลไม่หยุดได้

สำหรับใครที่ไม่ได้อยู่ในเกณฑ์ข้อห้ามเหล่านี้ จะเริ่มกินเมล็ดเจียแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร ลองทำเจียพุดดิ้งด้วยการนำเมล็ดเจียไปแช่ในนมสักครึ่งชั่วโมงแล้วท็อปด้วยผลไม้ ก็จะได้เป็นเจียพุดดิ้งแสนอร่อยแบบง่าย ๆ ได้ประโยชน์เต็ม ๆ แล้วครับ

กินเมล็ดเจีย ประโยชน์เต็ม ๆ แบบเข้มข้น แค่ทำเจียพุดดิ้งใส่ LocknLock Morning Cup พกไปกินได้ทุกวัน

จะทำเจียพุดดิ้งท็อปปิ้งผลไม้ไปกินที่ทำงานทั้งทีถ้วยที่ใช้ก็ต้องดูดีกันสักหน่อย พี่ล็อคขอแนะนำถ้วยใส่อาหาร Locknlock Morning Cup รุ่น LLG963 ที่ตอบโจทย์ตั้งแต่ความสวยงามเพราะดีไซน์ออกมาได้มินิมอลแต่ก็ยังมีสีสันให้เลือกทั้ง Green, Purple และ Pink จะพกไปไหนก็ดูดี เรื่องการใช้งานก็ตอบโจทย์ทุกมิติด้วยการออกแบบปากถ้วยให้กว้างพอดี ใช้ช้อนตักอาหารได้ง่ายดาย ฝาปิดล็อกแถมด้วยซีลซิลิโคนป้องกันการหกเลอะเทอะขณะพกพา แถมที่ฝายังมีหลอดซิลิโคนและช้อนสแตนเลสติดมาให้ด้วย จะใส่อาหารหรือเครื่องดื่มก็สะดวก ตัวถ้วยทำจากแก้วซิลิกอนที่สามารถทนได้ทั้งความเย็นและความร้อน แถมท้ายด้วยยางหุ้มซิลิโคนจับถนัดไม่ลื่นหลุดมือ ครบแบบนี้ไม่มีไม่ได้แล้ว


สั่งซื้อ LocknLock Morning Cup ได้ง่าย ๆ ที่ LocknLock Official พร้อมส่งฟรีทั่วไทย เพียงคลิก: ถ้วยใส่อาหารแบบใส

เช็คโปรโมชันล่าสุดกับเราได้ง่าย ๆ ทางไลน์ @Locknlockth  

add line
Back to blog

Leave a comment

Please note, comments need to be approved before they are published.